การคลอดก่อนกำหนด
ทารกคลอดก่อนกำหนด คือ การคลอดทารกก่อน หรืออายุครรภ์เท่ากับ 37 สัปดาห์เป็นทารกที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรค และการเสียชีวิต เนื่องจากอวัยวะระบบต่างๆ ยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ ทารกยิ่งคลอดก่อนกำหนดเร็วก็ยิ่งมีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของอวัยวะในระบบต่างๆ มากขึ้นเท่านั้น จากสถิติพบว่าอัตราการเกิดของเด็กไทยในปัจจุบันประมาณ 800,000 คน ต่อปี มีอัตราการเกิดของเด็กคลอดก่อนกำหนดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คิดเป็นค่าเฉลี่ยร้อยละ 8 - 10 ต่อปี ส่งผลให้อวัยวะของทารกพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ด้วยเหตุนี้ทารกคลอดก่อนกำหนดจึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ และพยาบาลที่มีความชำนาญเฉพาะทางเพื่อช่วยให้ทารกรอดชีวิต และมีความพิการหลงเหลือน้อยที่สุดสาเหตุการคลอดก่อนกำหนดมีได้หลายปัจจัย เช่น
ภาวะหายใจลำบากจากการขาดสารลดแรงตึงผิวเป็นปัญหาของระบบทางเดินหายใจที่พบได้บ่อยในทารกคลอดก่อนกำหนด ยิ่งอายุครรภ์น้อยโอกาสเกิดยิ่งมากขึ้น สารลดแรงตึงผิว (Surfactant) เป็นตัวพยุงทำให้ถุงลมในปอดไม่แฟบเมื่อหายใจออก และเกิดการแลกเปลี่ยนก๊าซได้ปกติ แต่สำหรับทารกที่คลอดก่อนกำหนด จะยังไม่สามารถสร้างสารลดแรงตึงผิวได้เพียงพอ จึงทำให้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนก๊าชได้ เกิดการขาดออกซิเจน และแสดงอาการหายใจลำบาก โดยเด็กจะหายใจเร็ว อกบุ๋ม จมูกบาน ตัวเขียว และส่งผลต่อระบบอื่นในร่างกายตามมาได้ นอกจากนี้การคลอดก่อนกำหนดจะส่งผลต่อระบบต่างๆ ในร่างกายของเด็ก ที่พบบ่อยมี ดังนี้
เมื่อสูตินรีแพทย์เห็นแล้วว่าไม่สามารถจะหยุด ยับยั้งให้เด็กคลอดภายในกำหนดได้ แพทย์จะฉีดยาให้กับมารดาเพื่อกระตุ้นการทำงานของปอดให้กับทารกในครรภ์ และวางแผนการรักษาร่วมกับทีมกุมารแพทย์ หลังคลอดกุมารแพทย์จะทำการตรวจร่างกาย และประเมินอาการของทารก ในกรณีที่ทารกมีภาวะหายใจลำบากจาการขาดสารลดแรงตึงผิว แพทย์จะพิจารณาให้สารลดแรงตึงผิวแก่ทารก เพื่อสามารถแลกเปลี่ยนก๊าซได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ทีมแพทย์ และพยาบาลจะคอยดูแลอาการ และเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งทารกมีความพร้อม สามารถหายใจได้เอง ไม่หอบ น้ำหนักตัวดีขึ้น สามารถดูดกลืนเองได้ดี ออกจากตู้อบสู่อุณหภูมิตามปกติได้ ไม่มีภาวะแทรกซ้อน คุณแม่ฝึกเลี้ยงทารกจนมั่นใจว่าสามารถกลับไปดูแลที่บ้านได้ และมีการนัดตรวจร่างกาย ทุก 1 - 2 สัปดาห์ในช่วงแรก เพื่อติดตาม และสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
ที่มา: โรงพยาบาลเปาโล